
จากที่ผมเคยพูดถึงวิธีการเดินทางจากกรุงเทพมานครสวรรค์โดยการนั่งรถตู้แล้ว ตอนนี้ผมมาอยู่นครสวรรค์เป็นเวลา 1 เดือนแล้ว โดยตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ก็นั่งรถสองแถวเป็นหลัก
จึงอยากจะมาเล่าให้ฟังว่ามีเรื่องน่าสนใจอย่างไรบ้าง โดยบทความนี้จะพูดถึงรถสองแถวที่วิ่งในอำเภอเมืองเท่านั้น (ยังไม่เคยนั่งรถไปต่างอำเภอหนะ แหะๆ)
รถสองแถวหลายสี
สีขาว สีส้ม สีแดง (แดงเข้มหลังโรงพยาบาล รพ. สวรรค์ประชารักษ์ แดงอ่อนวิ่งด้านหลัง รพ. สวรรค์ประชารักษ์ จากวัดนครสวรรค์ไปยังโลตัสเขาขาด) สีเหลือง สีเขียว (จากรพ.สวรรค์ประชารักษ์ ไป สถานีรถไฟ) สีฟ้า (วัดนครสวรรค์ไปเส้นดาวดึงส์)
แต่ที่เคยนั่งคือ รถสองแถวที่นี่มี 2 สี คือ คันสีขาว ที่วิ่งระหว่าง วัดไทรใต้ และ ตลาดใต้ คันสีส้ม ที่วิ่งระหว่าง ตลาดบ่อนไก่ ศรีนคร บิ๊กซี โดยที่สองคันนี้ผ่านที่พักผมไปยังที่ทำงานทั้งคู่ ทำให้ผมไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะนั่งสีใดเป็นพิเศษ
ราคามี 3 เรท
รถสองแถวคิดราคาทั้งหมด 3 เรท โดยเริ่มจาก นักเรียน 5 บาท นักศึกษา 6 บาท และ บุคคลทั่วไป 10 บาท ที่น่าสนใจก็คือ ถ้านักเรียนนักศึกษาแต่งกายผิดระเบียบก็จะคิดเป็นเรทราคา 10 บาทแบบบุคคลทั่วไป นี่ก็แสดงว่าเป็นการสนับสนุน (Encourage) ให้นักเรียนนักศึกษาแต่งกายให้เรียบร้อยนั่นเอง
มีกริ่งจอดรถที่เอาใจผู้โดยสาร
เมื่อขึ้นรถสองแถวที่นครสวรรค์ครั้งแรก ผมค่อนข้างตกใจเพราะว่ามันมีสายระโยงระยางห้อยลงมาจากข้างบน ต้องคอยหลบไม่ให้สายพันตัว โดยที่สายเชือกที่ห้อยลงมานั้น อาจจะติดฝาน้ำ หรือ กระดุม ที่ปลายเชือกเพื่อถ่วงน้ำหนักเอาไว้

กริ่งที่ทำด้วยฝาขวดน้ำ
ผมเองสงสัยมาก จึงไปถามคนพื้นที่ว่าทำไมกริ่งของรถสองแถวที่นี่เป็นแบบนี้ เค้าตอบว่ามีผู้สูงอายุขึ้นรถสองแถวอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เค้ากดกริ่งง่ายขึ้นผ่านการดึงลง ไม่ต้องยืนขึ้น เพราะผู้สูงอายุแข้งขาไม่ค่อยดี ผมฟังแล้วเบิกเนตรผมมาก เพราะนี่คือ สิ่งที่ตำราฝรั่งเรียกว่าการออกแบบโดยยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Human-centered Design)
เข้าใจหัวอกผู้โดยสาร
เมื่อขึ้นรถสองแถวที่นครสวรรค์ ผมพบเจอเหตุการณ์ 3 เหตุการณ์ที่ทำเอาผมอึ้งติดต่อกันแบบไม่หยุดไม่หย่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถสองแถวที่นครสวรรค์เข้าใจหัวอกผู้โดยสารอย่างแท้จริง
ถ้าเป็นที่กรุงเทพ ผมเห็นรถสองแถววิ่งผ่านหน้าไป ผมจะไม่วิ่งตามเพราะว่ายังงัยรถสองแถวก็จะไม่รอเรา แต่นี่สลับกันรถสองแถวที่นครสวรรค์จะเห็นบุคลิกเราและจะเข้าใจทันทีว่าเราต้องไปรถเค้าแน่ๆ เค้าก็จะจอดรอ ทำเอาเราซึ้งและรู้สึกเกรงใจ ต้องสับไกวิ่งขึ้นรถสองแถวไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องถัดมารถสองแถวที่นี่ ถ้าเรากดกริ่ง (ดึงกริ่ง) รถจะจอดทันที หัวแทบจะคะมำ ตอนแรกผมเองก็ไม่ทราบ คิดว่าต้องกดกริ่งล่วงหน้าเผื่อรถไหลเหมือนที่กรุงเทพ นี่แสดงว่ารถสองแถวที่นครสวรรค์กลัวผู้โดยสารต้องเดินย้อนไกล
เรื่องสุดท้ายครับ ผมนั่งรถสองแถวกลับจากบิ๊กซีนครสวรรค์กลับมาที่หอพัก ปรากฏว่ามีน้องคนนึงหยิบเหรียญนานมาก คุณลุงคนขับก็บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มๆว่า “มีเงินพอไหมลูก ไม่มีก็ไม่เป็นไรนะ เอาเท่าที่มีก็พอ” ผมฟังแล้วอึ้งในความใจดีของคุณลุงเค้าเลยครับ น่าปรบมือให้จริงๆฮะ
เขียนด้วยประสบการณ์ส่วนตัว
บทความนี้เขียนด้วยประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ หากมีจุดใดที่ตกหล่นไป ยินดีรับฟังคำแนะนำเพื่อแก้ไขบทความให้ดีขึ้นครับ ขอบคุณมากครับ