กรุงเทพฯ ประเทศไทย

สัมภาษณ์ “แวนฮ์” ผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้อพาร์ทเม้นท์ซอยเพชรบุรี 18

pexels photo 260367

เพื่อนสนิทของผมคนนึงชื่อว่า “แวนฮ์”เป็นผู้ที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ในอาคารสูง 14 ชั้น ราชเทวีอพาร์ทเม้นท์ ซอยเพชรบุรี 18 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ในวันที่ 3 เม.ย.61 เวลา ประมาณ 02.00 น. แต่รอดชีวิตมาได้ด้วยสติและแต้มบุญ วันนี้อาการบาดเจ็บของเค้าดีขึ้นมากแล้ว ผมขออนุญาตสัมภาษณ์และนำมาให้ทุกท่านได้รับทราบไปพร้อม ๆ กัน


โดยเหตุผลที่ผลสัมภาษณ์ก็เพราะว่าเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับใครหรือคนใกล้ตัว และถ้าเกิดขึ้นแล้วผู้ประสบเหตุมักจะไม่รอดชีวิต ผมจึงเห็นว่าเรื่องนี้ควรค่าแก่การบันทึกไว้ (โดยจะบันทึกไว้เหมือนการถอดเทป หากไม่สะดวกอ่านสามารถฟังได้ที่นี่)

อยากให้ช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่เกิดเรื่องให้ฟังหน่อยครับ

แวนฮ์: ก็วันนั้นนะฮะผมนอนอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้ ผมตื่นแล้วก็รู้สึกงัวเงียแปปนึงนะ แล้วก็รวบรวมสมาธินั้นหละ ตื่นมาดูเวลาประมาณตีสองกว่า ๆ จำไม่ได้ว่าตีสองเท่าไหร่ ผมก็หยิบโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ กระเป๋า แล้วก็หยิบกุญแจใส่กระเป๋าแหละ แล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องก่อน เปิดแล้วก็ล๊อคห้อง แล้วก็เดินออกไป เดินออกไปได้ซักประมาณ 2-3 เมตรแบบควันมันเยอะมาก ตอนนั้นมันก็ยังพอเห็นลาง ๆ นะ แต่ก็… ถ้าซักระยะ 2 เมตรไปก็มองไม่เห็นละ เห็นแค่เมตรเมตรกว่า ๆ คือ เดินออกไปประมาณ 3 เมตรก็ไม่ไหวละ เพราะหายใจไม่ได้เลย ตอนนั้นผมเห็นมีคนเดินไปเดินมาด้วยนะ แต่ผมไม่รู้ว่าเค้าเดินไปไหนกัน แต่ผมจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้เพราะควันมันเข้าปากทำให้สำลักไง ผมก็เลยเดินกลับมาที่ห้อง แล้วก็ไขประตูห้อง ตอนไขผมก็รู้สึกว่าผมไม่น่าล๊อคประตูเลย เพราะมองไม่เห็นลูกบิดแล้ว ก็ไขประตูยากมาก แสบตามาก หายใจไม่ได้เหมือนจะขาดอากาศ สุดท้ายก็ไขเข้ามาได้ พอไขเข้ามาได้ก็ปิดประตูแล้วไม่ล๊อคเลย เสร็จปุ๊บผมก็ เอ่อ… ตอนนั้นควันมันเยอะมากก็ไม่รู้จะทำยังงัย ผมก็เอาผ้ามาอุดร่องประตู เสร็จแล้วก็โทรหาพ่อ

โทรบอกพ่อว่าแบบ “ไฟไหม้แล้วก็ติดอยู่ในตึกเนี่ย ไปบันไดหนีไฟไม่ได้ ควันก็เยอะมากจนจะไม่ไหวแล้ว” เสร็จแล้วผมก็เอาผ้าชุบน้ำมาคลุมหัวแล้วก็โทรหาแฟนแล้วก็พูดเหมือนกัน คล้าย ๆ กันว่าแบบ “ไฟไหม้แล้วก็ติดอยู่ในตึก จะไม่ไหวแล้ว ไม่น่ารอดแน่เลย”

แล้วพ่อผมก็ช่วยหาเบอร์ปภ. (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ผู้จดบันทึก) แล้วก็ช่วยประสาน แล้วก็โทรไป ปภ. กรุงเทพฯ อะไรประมาณเนี่ย แล้วแฟนผมเค้าคือเหมือนถามเพื่อนเค้าว่ามีใครยังไม่หลับบ้างมั้ยในกรุ๊ป LINE แล้วก็บังเอิญมีเพื่อนคนนึงทำงานตัดต่อโฆษณาเค้าเพิ่งเลิกงานพอดีตอนตีสองกว่า ๆ แล้วออฟฟิศเค้าก็อยู่แถว ๆ นั้น ผมไม่แน่ใจนะ เค้าก็เลยมาข้างล่างตึกซึ่งตอนนั้นผมนั่งคลุมผ้าอยู่ ผมก็ลองเปิดประตูอีกทีแต่ก็พบว่าควันเยอะกว่าเดิมอีก ทีนี้มองอะไรไม่เห็นเลย ผมก็เลยปิดประตูเอาผ้าชุบน้ำคลุม ผมก็ไปเปิดประตูที่ระเบียงด้วยก็ควันเยอะ ผมก็เลยนั่งอยู่ในห้องนั่นหละเหมือนขังตัวเองในห้อง ก็นั่งอยู่พักนึงจนควันในห้องมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่รู้จะทำยังงัยผมก็เลยไปนั่งที่ห้องน้ำ ห้องน้ำมันแคบไงแปปเดียวควันก็เต็มละ

สุดท้ายผมก็เลยแบบ Google ไง Google ว่า “ถ้าติดอยู่ในตึกแล้ว ไปบันไดหนีไฟไม่ได้ แล้วจะอยู่ที่ไหนดี” Google บอกว่าต้องออกไปอยู่ที่ระเบียง

นั่งอยู่ที่ระเบียงก็ควันเยอะมากแต่ในห้องมันก็เริ่มเยอะจนหายไม่ออกผมก็เลยนั่งที่ระเบียง ก็นั่งอยู่พักนึงแล้วก็โทรคุยกับแฟนกับพ่อตลอดโน่นนี่นั่น มีตะโกนด้วยนะว่ามีคนติดอยู่บนตึกชั้นไหน แล้วซักแปปนึงผมก็เริ่ม Search ก่อนว่าเบอร์ ปภ. พญาไท (ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสาขาพญาไท) เบอร์ 02 อะไรซักอย่าง… ผมก็โทรไปแล้วก็โอนไปโอเปอเรเตอร์ก็มีเจ้าหน้าที่รับ เจ้าหน้าที่บอกว่าต่อไปให้โทร 199 มั้งรู้สึก จำไม่ได้ แล้วผมก็แจ้งว่าผมอยู่ชั้นไหน เค้าบอกว่าจะประสานให้ ผมก็นั่งอยู่นั่นพักนึง ผมก็โทรไปคุยกับพ่อกับแฟนโน่นนี่นั่น พูดไป

จนสุดท้ายผมโทรหาพ่อว่าแบบ “รู้สึกว่าแวนฮ์จะไม่ไหวแล้วเพราะควันมันเยอะมาก รู้สึกว่าแบบหายใจไม่ออกแล้ว ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกหายใจลำบาก จะไม่ไหวละ แวนฮ์ว่าแวนฮ์ไม่รอดแน่เลยแต่แวนฮ์จะพยายามหายใจจนลมหายใจสุดท้าย” ก็พูดประมาณนี้นะ ผมก็นั่งอยู่นั่นหละ แล้วก็วางสาย พยายามนั่งหายใจ และโทรหาแฟนและพูดเหมือนกันว่าจะไม่ไหวละ ไม่ไหวแน่

นั่งอยู่ประมาณพักนึง ผมก็ตัดสินใจโทรหา ปภ. อีก แล้วถามว่า ปภ. บอกว่าอยู่ตรงไหนละ โทรแรกที่โทรเค้าบอกว่าอยู่ชั้น 4 ชั้น 5 นี่แหละ แล้วผมโทรอีกรอบนึงเค้าบอกว่า เค้าอยู่ที่ชั้น 8 ละ เอ้อ ผมก็บอกเค้าว่า ผมยังมีชีวิตอยู่นะครับ อยู่ห้อง (ขอสงวนหมายเลขห้อง) เลย ไฟยังไหม้อยู่แต่ว่าผมก็ยังมีชีวิตอยู่ ผมรู้สึกหายใจลำบากมากเลย แต่ผมจะพยายามมีชีวิตรอด แต่ก่อนหน้าเนี่ยผมโทรหา ปภ. ด้วยว่าที่ผมอยู่ที่ระเบียงอ่ะถูกต้องมั้ย ผม Search จาก Google มา เค้าก็บอกว่าโอเคทำถูกต้องแล้ว

สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร

ตอนนั้นผมก็พยายามหายใจ ๆ ผมก็เอาผ้าชุบน้ำไปเรื่อย ๆ นะ ถ้าผ้ามันเริ่มแห้งนะควันมันก็เริ่มแทรกเข้ามาได้ต้องพยายามทำให้ผ้ามันเปียกตลอด ก็หายใจลำบาก ก็ต้องพยายามหายใจ ตอนแรกนั่งให้มันต่ำ ๆ ไว้แต่สุดท้ายก็รู้สึกเมื่อยก็เลยมานั่งเก้าอี้ นั่งอีกซักพักรู้สึกคอแห้งก็เดินเปิดเข้าห้องไปเพื่อจะเอาน้ำ ตอนนั้นก็แบบในห้องมองไม่เห็นแล้วอ่ะ ผมว่าเออผมตัดสินใจถูกละที่มานั่งอยู่ตรงระเบียง ผมก็หยิบน้ำมาแล้วก็มานั่งจิบที่ระเบียงแล้วมันมีจังหวะนึงที่ มีแสงไฟฉายเข้ามาที่ห้อง มีจังหวะนึงที่ไฟ Spotlight ดับ ความหวังเราก็เหมือนหมดไปเหมือนกันนะอยู่ดี ๆ ก็มืดพรึ่บก็ทำให้ผมตกใจ ผมก็ถามไปว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ” ก็ไม่มีใครตอบอะไร ซักพักนึง Spotlight ก็ส่องใหม่จนควันมันเริ่มปิดจนแทบไม่เห็นไฟ Spotlight แล้วอ่ะ ผมก็พยายามนั่งหายใจ ๆ พยายามไม่สนใจอะไร มือถือตอนแรกผมก็เปิดไฟมือถือไว้ตลอดเอาไว้ส่องออกไปนอกทางระเบียงให้คนเห็นว่าแบบ… เออมีคนอยู่ชั้นนี้นะสุดท้ายก็เอาผ้าคลุมหน้าแล้วหายใจไปเรื่อย ๆ แล้วผมโทรไปอีกทีเค้าบอกว่าอยู่ชั้น 11 แล้ว โอเคเราก็บอกไปเหมือนว่าอยู่ห้องไหนเค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะประสานให้ คือ ตอนที่ผมคุยกับแฟนผมเค้าบอกว่าเพื่อนเค้าก็บอกว่ามีคนติดอยู่ห้องไหนแต่เนื่องจากว่าการทำงานเค้าก็ต้องไล่ขึ้นไปทีละชั้นไง ค่อย ๆ ไล่ขึ้นไป ๆ ซึ่งผมก็เข้าใจเจ้าหน้าที่นะตอนนั้นผมจะไม่ไหวผมจะโทรหาหา ปภ. เค้าบอกว่าเค้าดับไฟได้ละ ผมนั่งรออีกพักก็รู้สึกได้ว่าควันเริ่มจางลง

ผมก็โทรหาพ่อผมว่า “เออ แวนฮ์ไม่ตายละ เพราะไฟมันดับละแล้วควันก็เริ่มจางละ จากที่ควันปิดจนไม่เห็นจนตอนนี้เห็น Spotlight ละ” ผมก็โทรหาแฟนผมแล้วพูดแบบเดียวหละว่า “เออ เค้าไม่น่าตายแล้วหละตัว ไม่ต้องห่วงแล้วหละ”

หลังจากนั้นก็พยายามอยู่นิ่ง ๆ หายใจต่อไปรอคนมาช่วย นั่งรออยู่ประมาณพักนึงก็มี อ่า… เสียงตะโกนมาว่า “มีใครอยู่ในห้องมั้ยครับ” ประมาณเนี่ย แล้วก็เคาะห้อง ผมก็เลยเปิดประตูระเบียงออกไป ผมก็เดินเข้าไปในห้องคือควันเยอะมากนะ แล้วตอบว่า “มีครับ ๆ”แต่ผมก็พยายามส่องไฟแฟลชจากมือถืออ่ะ แล้วเค้าก็เปิดเข้ามาซึ่งผมก็มองไม่เห็นเค้านะตอนแรกอ่ะ คือ ควันมันเยอะมากอ่ะ แล้วเค้าก็เดินมาตามแสงไฟที่ระเบียงแล้วเค้าก็ปิดประตูระเบียง เค้าก็ถอดหน้ากากออก

เค้าก็แนะนำว่าเค้าชื่อพี่มีน พี่มีนเค้าก็บอกว่า “ไม่ต้องตกใจไม่ต้องตื่นเต้นให้มีสตินะ”

ผมก็บอกว่าครับ ๆ ซึ่งความเป็นจริงผมมีสตินานแล้ว ผมก็ถามเค้าว่า “พี่กินน้ำมั้ยครับ” แล้วผมยื่นน้ำให้พี่เค้าดื่ม พี่เค้าคงร้อนมากอ่ะ เพราะเค้าดื่มน้ำและเอาน้ำล้างหน้า เค้าก็บอกว่า “เดี๋ยวน้องต้องกลั้นหายใจแบบให้ลึกที่สุดในชีวิตนะ แล้วก็เอาผ้าชุบน้ำแล้วปิดจมูกไว้ แล้วพี่จะพาเดินไปที่บันไดหนีไฟ พี่มีหน้ากากออกซิเจนแค่อันเดียว ซึ่งพี่ต้องใช้เพื่อที่จะเซฟพวกเราทั้งสองคน น้องเข้าใจนะ” ผมก็ตอบว่าเข้าใจครับ ผมก็เอาผ้าชุบน้ำและปิดจมูกแล้วก็เดินเกาะหลังพี่เค้าไป ซึ่งพอเดินไปปุ๊บปรากฎว่าพี่เค้าจะเดินผิดทางไม่ตรงไปประตูแต่จะเลี้ยวไปทางซ้ายทางตู้เสื้อผ้า ผมก็ไปบอกว่า “พี่ครับประตูอยู่ทางนี้ครับ” ผมก็เลยใช้อากาศนั้นไปแล้วไง ก็เลยพยายามกลั้นหายใจ พอเดินไปถูกพี่เค้าก็เดินออกไปก็ พยายามบอกเค้าให้เดินไปทางซ้ายเพื่อไปทางบันไดหนีไฟก็เดิน ๆ ไป

เดินไปได้ซักครึ่งทางจนผมรู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว ผมก็บอกว่า “ผมไม่ไหวแล้วครับ” พี่เค้าบอกน้อง ๆ ทนหน่อยต้องไหว ผมตะโกนออกไปคงดังพอสมควร สุดทางมันเป็นบันไดหนีไฟไง มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีกคนอยู่ เค้าก็ตะโกนกลับมาว่า “ใครไม่ไหวมาทางนี้ครับ ทางนี้มีหน้ากากออกซิเจนครับ” ทำให้ผมฮึดสู้ไง เหมือนแบบทางนั้นมีออกซิเจนเราต้องรีบเดินไปก็เดินไปจนสุดทางแล้วเค้าก็ส่งหน้ากากออกซิเจนให้ผมผมก็หายใจ หายใจแล้วเค้าก็ถามว่าผมไหวมั้ย ผมบอกว่าไหวครับ

บันไดที่เกิดเหตุ

คือนึกภาพนะผมใส่แว่นนะ มันมีทั้งควัน มีทั้งไอร้อน อะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมมองไม่เห็นอ่ะ ผมอ่ะขยับไปทางขวานิดนึง คือผมเข้าใจว่าเป็นพื้นไง ผมไม่รู้ว่ามันมีอะไรไง มองไม่เห็น

ผมก็ขยับไปทางขวาแล้วตกลงไป แบบนอนหงาย กระแทกพื้นดังปั้ก! คือ แขนผมอ่ะไปชิ่งบันไดหนีไฟทำให้เด้งเข้ามาตรงแบบเหมือนชานพักอ่ะ ข้างนอกมันเหมือนเป็นระเบียงอยู่แล้วไง เป็นระเบียงเป็นร่องแต่ละชั้น ชิ่งเข้ามาแล้วก็นอนอยู่อย่างงี้

แล้วก็มีเสียงวอว่า “มีผู้บาดเจ็บ มีผู้บาดเจ็บ” เค้าก็บอกว่า “อ่า.. น้องนิ่ง ๆ ก่อนนะ ลองขยับขาดูซิ” ผมก็ลองขยับดู ผมก็ลองขยับแขนดู เค้าก็บอกว่า “น้องลุกขึ้นซิ” ผมก็ลุกขึ้น โอเคไหวนะ ผมว่าไหวครับ ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่บอกว่า “เราจะเดินลงไปกันนะ ข้างล่างอ่ะ ไหวนะ” แล้วผมก็เหมือนกอดเค้าไป แล้วประคองกันไป แล้วเค้าก็ส่งหน้ากากออกซิเจนให้ผม แล้วผมก็ใส่เดิน เดินลงไป ประมาณ 11 ชั้นจนถึงชั้นล่าง เสร็จปุ๊บก็มีเตียงนอนมาละ มีเตียงรอรับอยู่แล้ว ผมก็นอนบนเตียงเสร็จแล้วเค้าเข็นผมไป คือเจ้าหน้าที่เหมือน ปอเต๊กตึ๊ง มั้งผมไม่แน่ใจนะ เค้าก็ถามว่า “มีสิทธิอะไร” ผมก็บอกว่า “ผมเป็นข้าราชการครับ” เค้าก็ถามว่าจะไปโรงพยาบาลไหน โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลตำรวจ ผมก็บอกว่า “ผมไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ อ่า…ผมไปโรงพยาบาลราชวิถีละกัน” พอเค้าเข็นไปก็เห็นเหมือนมีคนจัดคิวอ่ะให้ขึ้นรถโรงพยาบาลอ่ะ เค้าก็บอกว่า “ไปโรงพยาบาลรามาได้มั้ย รามาว่างอยู่พอดี” ผมก็ว่าได้ครับรามาก็ได้ ก็เลยขึ้นรามาแล้วก็นั่งอยู่บนรถ ก็นอนนั่นหละ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ขอบัตรประชาชนเรา แล้วก็ถ่ายรูปบัตรประชาชนเอาไว้ แล้วก็ชวนคุย โน่นนี่นั่นไป ผมก็นั่ง ๆ

จนถึงรามาแล้วเค้าก็ยกลง แล้วก็เอาผมไปนอนบนเตียง พอซักพักมีหมอมาตรวจมาดู เค้าก็ถามเรื่องการหายใจ เค้าก็บอกว่าอาการไม่หนักมากแต่ด้วยความที่ผมติดอยู่ในตึกชั่วโมงกว่าไง ผมก็บอกว่าผมตกด้วย เค้าก็เลยพาไปเอกซเรย์กระดูกสันหลัง ขา แขน ไรเงี้ย อ่า… เสร็จแล้วก็มีการเอกซเรย์ปอดด้วย ซักพักนึงก็ให้น้ำเกลือผม เจาะเลือดไปตรวจ ช่วงจะเช้าละก็พาผมไปตรวจทางเดินหายใจใช้กล้องส่องข้างในจมูกไรงี้เพื่อดูว่ามีเขม่าตกค้างมั้ย ประมาณนี้ละฮะ จบแล้วฮะในช่วงเช้า หลังจากนั้นก็มานอนแอ๊กอยู่ตรงนั้น

เหมือนแวนฮ์เคยเล่าว่า เคยเจอเหตุการณ์ประมาณเนี้ยที่บ้านน้าใช่มั้ยครับ อยากทราบว่าตอนนั้นต่างจากตอนนี้อย่างไรครับ

แวนฮ์:  คอนโดอาครับ ตอนนั้นมันเกิดตอนประมาณสี่ทุ่มอ่ะ ประมาณสามสี่ทุ่มจำไม่ได้ละ คือ ยังคนส่วนใหญ่ยังไม่นอนอ่ะ ยังไม่ดึก เหมือนมีสัญญาณเตือนหรือคนตะโกนนี่หละ ตอนนั้นผมอยู่ชั้นสี่แต่ไฟมันไหม้ที่ชั้น 6 ชั้น 7 อ่ะมันไหม้ชั้นบน ความต่างก็คือ เราได้ยินเสียงสัญญาณเตือน เราก็เปิดออกมามีควันนิดหน่อย คือพอไฟไหม้มันควันขึ้นบนไง เราก็สามารถวิ่งไปบันไดหนีไฟได้ไม่ยากเท่าไหร่ ห้องผมก็ใกล้บันไดหนีไฟด้วย เอ่อ.. คือมีควันไม่มากก็โอเค เก็บโทรศัพท์ เก็บกระเป๋าตัง ปิดประตูห้อง แล้วก็วิ่งลงมา ไม่ต้องใช้ผ้าปิดจมูกก็สามารถเดินได้ พอได้ยินเสียงสัญญาณเตือนก็เลยทำอะไรได้รวดเร็วอ่ะ แต่คราวนี้ผมอยู่ชั้นบนไง ควันก็เลยสุมอยู่ข้างบนเยอะ

ตอนที่โทรหาคุณพ่อกับแฟนบอกว่าจะไม่ไหวแล้วอ่ะ ตอนนั้นใจคิดอะไรบ้างฮะ

แวนฮ์: ไม่คิดเลยฮะ คิดว่าแค่ว่าจะพยายามหายใจ ไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ไม่คิดถึงอะไรเลย ไม่ได้คิดว่าแบบอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ได้คิดว่ายังไม่อยากตาย เรียกว่าแบบ… ไม่ได้ฟูมฟายว่าทำไมต้องมาตายตอนนี้ ไม่ได้คิดเลยนะ ผมคิดว่าจะหายใจ ๆ ช้า ๆ ไปเรื่อยๆ จนจะหายใจสุดลมหายใจสุดท้าย ไม่ได้คิดเลยว่าจะยังงัยต่อ ไม่ได้คิดเลยว่า คิดห่วงว่าใครจะขึ้นมามั้ย ไม่ได้คิดห่วงของ ไม่ได้คิดห่วงว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร ไม่ได้คิดว่าเลยว่ามีอะไรที่ยังอยากทำ ไม่ได้คิดเลยนะจังหวะนั้น ไม่ได้คิดเลยอ่ะ ผมก็เอ๊ะ..ก่อนหน้านี้ ถ้าคิดว่าถ้าเราจะตายเราต้องเสียดายในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ รู้สึกเสียดายในที่ที่เราอยากไปแต่ยังไม่ได้ไปเราจะเสียดาย อะไรที่เราอยากทานแล้วไม่ได้ทานเราจะเสียดาย แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยเราจะพยายามหายใจ ๆ ไม่รู้สึกเสียดายชีวิตด้วยนะ รู้สึกแค่ว่าอยากจะหายใจ ๆ ไปเรื่อย ๆเพราะว่าควันทำผมทรมานมาก แค่รู้สึกว่าอยากจะหายใจ ๆ ไปเรื่อย ๆ เท่านั้นแหละ ครับผม

เหตุการณ์นี้มันสอนอะไรเราบางอย่างหรือทำให้เราคิดอะไรขึ้นมาได้บ้างฮะ

แวนฮ์: (เงียบไปครู่ใหญ่ก่อนตอบ) คิดอะไรได้หรอ คือ ผมก็คิดว่าแบบ… คิดได้ว่า แบบทุกอย่างมันเท่านั้นเลยอ่ะ คือมีแค่ชีวิตเราที่สำคัญสุดสำหรับผมนะ ของทุกอย่างเรารู้สึกว่ามันไม่มีค่าและไม่มีอะไรเป็นประโยชน์อะไรกับตัวเราเลยอะ มันกลายเป็นว่ามีแค่ตัวเราที่สำคัญที่สุดที่จังหวะนั้นนะ ผมคิดว่าแบบความตายนี่มันอยู่ใกล้เรามากเลยนะ เป็นสิ่งที่แบบเกิดขึ้นแน่นอน มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน ที่ต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ ในชีวิตเรา แต่เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เออ ผมเลยคิดว่าถ้า… ไม่รู้สิ… ถ้าผมทำไม่ดีกับใครผมก็คงอยากจะแบบขอโทษเค้าเลยนะ แต่ผมไม่ได้เป็นคนที่ยึดติดอะไรอยู่แล้ว… แบบนิสัยที่ว่าทำไม่ดีแล้วไม่ขอโทษ ผมก็ไม่ใช่คนแบบนั้น ก็พยายามใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกเสียดายก็แล้วกัน ครับผม

สุดท้ายแล้วครับ ถ้ามีคนมาอ่านบทความนี้จริง ๆ เราอยากบอกจะอะไรกับคนอ่าน

แวนฮ์: ก็คงอยากบอกเค้าว่า ไอ้การซ้อมหนีไฟนี่มันอาจจะเป็นสิ่งสำคัญนะ (หัวเราะ) ก็คือจังหวะนั้นมันต้องมีสติก่อนนะผมว่า สติเป็นสิ่งสำคัญ ผมอาจจะโชคดีที่อยู่ในยุคที่มีอินเตอร์เน็ตมั้งผมสงสัยอะไรก็ Search Google ได้ แต่ถ้าคนไม่สตินะผมว่า มันจะแย่มาก ๆ ไง คือ พยายามมีสติไว้ผมว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่ไอเรื่องการซ้อมหนีไฟก็ให้ความสำคัญกับมัน ดูทางหนีไฟ โน่นนี่นั่น สำรวจให้ดีอ่ะครับผม เพราะจังหวะนั้นของเราจะมีความไร้สติมาปน และควันไฟอาจจะทำให้สับสนได้ ถ้าจะหนีจังหวะนั้นแล้วจะทำไม่ได้ คือ มันสามารถทำได้แต่ถ้าทำไม่ได้เพราะตัวเราเอง ก็จะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายนะ คือ เงื่อนไขสิ่งแวดล้อมเนี่ยเพราะควันก็ไม่เยอะแต่เราไม่เอาใจใส่กับมัน เราก็เลยแบบวิ่งไปผิดทางบ้างไรบ้าง ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายครับผม

เนื้อหาน่าสนใจในระดับใด

โปรดให้คะแนน

คะแนนเฉลี่ย 0 / 5. นับคะแนน 0

ยังไม่มีใครให้คะแนนเลย มาเป็นคนแรกที่ให้คะแนนกันเถอะ