กรุงเทพฯ ประเทศไทย

เทคโนโลยีของธนาคารที่น่าจับตามอง

pexels photo 210574

ทางผู้จัดทำได้อ่านศึกษาหาข้อมูลกระแสของเทคโนโลยีผ่านอินเตอร์เนต อาทิ Quora และ Medium อันเป็นแหล่งข้อมูลที่มีกิจกรรมการอัพเดตข้อมูลใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ รวมถึงได้อ่านรายงานชิ้นสำคัญของบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี 2 บริษัท คือ Accenture และ Fujitsu ที่เป็นรายงานที่น่าเชื่อถือและมีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้

เนื้อหาโดยสรุป

Embed from Getty Images

จากการสรุปเนื้อหาของรายงานนั้น พบว่ารายงานทั้ง 2 ฉบับมีการคาดการณ์ถึงการใช้เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคล้ายคลึงกัน โดยรายงานนั้นเชื่อว่าธนาคารจะมีการใช้เทคโนโลยีดังต่อไปนี้

  1. การใช้ระบบ AI ในช่วยมนุษย์ในการทำงาน เช่น Robo Advisors
  2. การใช้เทคโนโลยีขยายความเป็นจริง (Extended Reality) เช่น Video Banking
  3. การเปิดระบบ API ของธนาคารเพื่อให้คู่ค้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินร่วมกัน (Open API หรือ Open Banking)
  4. การนำข้อมูลของลูกค้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เฉพาะกลุ่ม เช่น Big Data Analytics
  5. การทำธุรกรรมอย่างรวดเร็วโดยไม่อาศัยธนาคารในฐานะตัวกลาง เช่น Cryptocurrencies

 

เนื้อหาฉบับเต็ม

Embed from Getty Images

จากที่ได้เห็นประจักษ์ว่าปัจจุบันกระแสของเทคโนโลยีได้ส่งผลกระทบ และสร้างการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจของอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมายรวมทั้งอุตสาหกรรมการเงิน จึงทำให้ธนาคารหลายแห่งทั่วโลกรวมถึง ในประเทศไทยจึงต้องเตรียมตัวรับมือกับกระแสเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อให้สามารถทำธุรกิจต่อไปในอนาคตได้

          บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Accenture ได้ออกรายงานฉบับหนึ่งชื่อว่า วิสัยทัศน์ของเทคโนโลยีของธนาคารปี 2018 (Banking Technology Vision 2018) โดยผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารของธนาคารจำนวน 800 ท่านใน 25 ประเทศ โดยได้ข้อสรุปว่าภายใน 3 ปีหลังจากนี้ (ค.ศ. 2019 – 2021) ผู้บริหารกลุ่มนี้คาดการณ์ว่าจะมีกระแสเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ 5 กระแส ดังต่อไปนี้

 

กระแสฯ ที่

ชื่อของกระแสเทคโนโลยี

รายละเอียดของกระแสเทคโนโลยี

1

พลเมือง AI ในที่ทำงาน (AI Citizen)

1.1   ช่วยทำงานแทนอัตรากำลังคนเพื่อเป็น
การลดต้นทุน

1.2   ช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์น่าเหมาะสมแก่ลูกค้า

1.3   ช่วยในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและถูกต้องตามกฎระเบียบที่ภาครัฐกำหนด

2

เทคโนโลยีขยายความเป็นจริง (Extended Reality)

ติดต่อกับลูกค้าอย่างไร้ข้อจำกัดด้านระยะทาง

2.1  สร้างความผูกพัน (Engagement) กับลูกค้า

อย่างไร้ข้อจำกัดด้านระยะทาง อาทิ สอนให้ลูกค้าได้เรียนรู้การลงทุนในรูปแบบ 3 มิติ

2.2  สร้างยอดขายผ่านการทำธุรกรรมผ่าน
วิดีโอแชท อาทิ ตีราคาอสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ากู้เงินผ่านวิดีโอ
โดยการตีราคาเป็นการตีราคาด้วยระบบดิจิตอล หลังจากนั้นจะทำธุรกรรมปิดการขายแบบออนไลน์ได้ด้วยระบบ KYC ที่รองรับแล้ว

3

ความแม่นยำของข้อมูล
(Data Veracity)

3.1  ธนาคารต้องให้ความสนใจเรื่องความถูกต้องของข้อมูลโดยมองว่าข้อมูลคือวัตถุดิบในการสร้างผลิตภัณฑ์ และต้องรับผิดชอบกับข้อมูลมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

3.2  ธนาคารจะมีการจัดการข้อมูลที่มีระบบ
และมีมาตรฐานมากกว่าเดิม

4

ธุรกิจพัฒนาได้ต่อเนื่อง (Frictionless Business)

4.1  ธนาคารจะเปิดองค์กรของตนเองมากขึ้นเพื่อให้คู่ค้ามาพัฒนาระบบร่วมกัน
โดยเปลี่ยนจากระบบปิดเป็นระบบที่เปิด
มากกว่าเดิม (Microservices)

4.2  การนำเทคโนโลยีบลอคเชน (Blockchain)
มาใช้เพื่อลดรอยต่อระหว่างกระบวนการ
และธุรกรรมต่าง ๆ

5

ระบบคิดที่เชื่อมต่อกัน
(Internet of Thinking)

5.1  ธนาคารสามารถเข้าถึงข้อมูลทิ่วิเคราะห์แล้วได้ทันที (Real-time insights) โดยอาศัย
ระบบ AI และเทคนิคการจับข้อมูลดิจิตอล (Digital data capture technique) ทำให้ธนาคารสามารถเสนอสินค้าและบริการได้อย่างทันเวลา

5.2  ให้บริการกับลูกค้าโดยยึดสถานที่ที่ลูกค้าอยู่ (Location-based services) โดยร่วมมือกันกับผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

 

นอกจากนี้แล้วบริษัท Fujitsu ก็ได้เขียนรายงานฉบับหนึ่งที่เกี่ยวกับการคาดการณ์เทคโนโลยีที่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมทางการเงินเช่นกัน โดยมีชื่อว่า Fujitsu Digital Insights: Digital Transformation of Banking Services โดยกล่าวไว้ว่าในปี ค.ศ. 2030 นั้น ผู้คนจะใช้ชีวิต
ต่างจากปัจจุบันโดยมีความสะดวกสบายมากกว่าเดิม อาทิ

 

Embed from Getty Images

 

เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ระบบ AI ส่วนบุคคลจะบอกตารางงานที่ต้องทำ บอกข่าวสารที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่าได้ส่งกระทบต่อพอร์ตการจัดการสินทรัพย์ (asset management portfolio) อย่างไรบ้าง

 

หรือแม้การที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศแล้วบังเอิญเราได้เจอร้านค้า ณ วินาทีนั้นนาฬิกาข้อมือของเราก็ได้แสดงราคาสินค้าที่เราสนใจในหน่วยเงินของประเทศตัวเองแบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งขออนุมัติจากเราเพื่อให้เราสามารถซื้อสินค้าได้โดยเพียงแค่แสกนลายมือหรือสั่งการด้วยเสียง

 

ด้วยสถานการณ์ที่ได้คาดการณ์ไว้ข้างต้นของบริษัท Fujitsu ทางบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าอนาคตจะมีกระแสเทคโนโลยี 5 กระแสเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนี้

 

กระแสฯ ที่

ชื่อของกระแสเทคโนโลยี

รายละเอียดของกระแสเทคโนโลยี

1

ธนาคารที่ประสานเข้ากันกับชีวิตและธุรกิจของผู้คนได้อย่างลงตัว (Engagement Banking)

เข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่สำคัญได้ทันที เช่น
การตรวจสอบราคาบ้าน คำนวณการกู้ยืมสินเชื่อบ้าน จากการถ่ายรูปบ้านผ่านแอพพลิเคชั่น

2

ธนาคารในฐานะแพลตฟอร์ม

(Platform Banking)

ธนาคารเปิดให้เป็น Open Banking โดยให้คู่ค้าเชื่อมโยงผ่าน API ของธนาคารเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า

3

ธนาคารแห่งเทคโนโลยี(Technology Banking)

นำ เทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติมาเพื่อ
ลดงานประเภททำซ้ำเพื่อลดจำนวนคนในการทำงาน

4

ธนาคารแห่งสังคม (Social Banking)

ด้วยการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง
และSharing Economy หรือเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน จึงเกิดผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ เช่น
การกู้เงินโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร และสกุลเงินคริปโต

5

ธนาคารแบบองค์รวมเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสังคม (Inclusive Banking)

การนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาใช้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม อาทิ
ผู้ที่มีรายได้น้อย เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เป็นต้น

จากข้อมูลข้างต้นจึงสรุปได้ว่าธนาคารในประเทศไทยแม้ว่าจะมีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาสินค้าและบริการทางการเงินไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสสำหรับธนาคารฯ ในการที่จะนำเทคโนโลยีบางอย่างมาใช้เพิ่มเติมเพื่อเตรียมตัวในการรองรับกระแสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เนื้อหาน่าสนใจในระดับใด

โปรดให้คะแนน

คะแนนเฉลี่ย 5 / 5. นับคะแนน 1

ยังไม่มีใครให้คะแนนเลย มาเป็นคนแรกที่ให้คะแนนกันเถอะ

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *